โขน หนุมาน
วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554
การทำหัวโขน2
ขั้นตอนการทำหัวโขน
วิธีการและกระบวนการทำหัวโขน โดยวิธีการอันเป็นไปตามระเบียบวิธีแห่งการช่างทำหัวโขนตามขนบธรรมเนียมนิยมอันมีมาแต่ก่อน และยังคงถือปฏิบัติการทำหัวโขนของช่างหัวโขน บางคนต่อมาจนกระทั่งปัจจุบัน อาจลำดับระเบียบวิธีของวิธีการและกระบวนการทำหัวขน ดังนี้
วัสดุ กระดาษสา กระดาษข่อย กระดาษฟาง ใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง รักน้ำเกลี้ยง และรักตีลาย สมุกใบตองแห้ง สมุกใบลาน สมุกใบจาก โดยใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง น้ำมันยาง ปูนแดง ชันแดง ชัยผง องคำเปลว กระจกสี พลอยกระจก หนังวัวแห้ง สีฝุ่น กาว และแป้งเปียก ยางมะเดื่อ ลวดขนาดต่างๆ
เครื่องมือ แม่พิมพ์หินสบู่ ไม้ตีกระยัง ไม้เสนียด ไม้คลึงรัก มีดตัดกระดาษ เพชรกระจก ไม้ตับคีบกระจก กรรไกร เข็มเย็บผ้า แลด้าย สิ่วหน้าต่างๆ และตุ๊ดตู่ เขียงไม้ แปรงทาสี พู่กันขนาดต่างๆ
การเตรียมวัสดุ วัสดุที่จะต้องจัดเตรียมขึ้นโดยเฉพาะสำหรับทำเป็นลวดลายต่างๆ ประดับตกแต่งทำหัวโขนแต่ละแบบๆ คือ รักตีลาย ต้องเตรียมทำขึ้นไว้ใช้ให้พอแก่งานเสียก่อน รักตีลาย ประกอบด้วย รักน้ำเกลี้ยง ชันน้ำมันยาง ผสมเข้าด้วยกัน เอาขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ เคี่ยวไปจนงวดเหนียวพอเหมาะแก่การเอา ลงกดในแม่พิมพ์หินทำเป็นลวดลาย ซึ่งแข็งตัวแล้วไม่เปลี่ยนแปลง
การเตรียมหุ่น หุ่นในที่นี้คือ หุ่นหัวโขน แบบต่างๆ ซึ่งจะใช้เป็นต้นแบบสำหรับทำหัวโขน หุ่นเป็นต้นแบบ ที่จะใช้กระดาษปิดทับให้ทั่วแล้ว ถอดออกเป็น หัวโขน ซึ่งภายในกลวงเพื่อที่จะใช้สวมครอบศีรษะได้พอเหมาะ หุ่นหัวโขนชนิดสวมครอบศีรษะและปิดหน้ามักทำเป็นหุ่นอย่าง รูปโกลน มีเค้ารอย ตา จมูก ปาก ขมวดผม
การปิดหุ่น ว่าด้วยการปิดกระดาษทำหัวโขน การปิดกระดาษทับลงบนหุ่นนี้ ช่างบางคนเรียกว่า “พอกหุ่น” ก็มีเรียกว่า “ปิดหุ่น” ก็มี คือ การเอากระดาษสา กระดาษข่อยและกระดาษฟาง อย่างใดอย่างหนึ่งตัดเป็นสี่เหลี่ยมขนาดย่อมกว่าฝ่ามือเล็กน้อย นำมาทาแป้งเปียกให้ทั่ว แล้วปิดกระดาษทับ ซ้อนกันสัก 2-3 แผ่น จึงเอาไปปิดทับลงบนหุ่นเป็นลำดับกันไปจนทั่วหุ่นศีรษะแบบนั้นๆ ทำเช่นนี้หลายชั้นให้หนาพอที่จะทรงตัวอยู่ได้ในภายหลังที่ถอดศีรษะกระดาษออกจากหุ่น จึงเอาหุ่นที่ปิดกระดาษเรียบร้อยแล้วออกตั้งผึ่งแดดให้แห้งสนิท ซึ่งมักใช้เวลาประมาณ 3 วัน
การถอดหุ่น การเอาศีรษะกระดาษออกจากหุ่นซึ่งทำโดยการใช้มีดปลายแหลม กรีดตรงศีรษะกระดาษจากตอนบนให้ขาดเป็นทาง ลงไปด้านหลังจนสุดขอบกระดาษตอนล่าง จึงถอดศีรษะกระดาษออกจากหุ่น ศีรษะกระดาษซึ่งถอดออกจากหุ่นแล้วต้องจัดการเย็บประสานริมกระดาษที่ขาดเป็นแนวนั้น ให้ติดสนิทกัน แล้วปิดกระดาษทับแนวทั้งด้านนอกและด้านในให้เรียบ จึงตัดริมส่วนขอบล่างของศีรษะให้เรียบร้อย พอเสร็จการขั้นนี้ก็จะได้ศีรษะกระดาษที่เรียกว่า “กะโหลก” พร้อมที่จะนำมาปั้นกระแหนะรักทำส่วนละเอียดต่างๆ ออกไป
การปั้นใบหน้าหัวโขน หรือกระแหนะ เป็นขั้นตอนทำส่วนละเอียดต่างๆ คือ การใช้ลักตีลายทำให้อ่อนตัวนำมาปั้นกระแหนะเพิ่มเติม ลงบนกะโหลก ทำส่วน คิ้ว ตา จมูก ปาก ไพรปาก ขอบคาง ให้ได้รูปร่างชัดเจนและแสดงอารมณ์ของใบหน้านั้นตามขนบธรรมเนียมนิยมในใบหน้าแต่ละแบบนั้นส่วนหนึ่ง กับทำการ ประดับลวดลายแต่งลงบนตำแหน่งที่เป็นเครื่องศิราภรณ์สำหนับหัวโขนแต่ละหัว เช่น ประดับส่วนเกี่ยวก้อยรักร้อย ประดับกระจังซุ้มบนวงล้อมจอมชฎามงกุฎ เป็นต้อน และในขั้นนี้จะต้องจัดการทำส่วนหูสำหรับศีรษะยักษ์ ลิง พระ และนางแบบปิดหน้า เป็นต้น กับทำกรรเจียกจอนหูสำหรับประกอบชฎาและมงกุฎ ด้วยการใช้แผ่นหนังวัวแห้ง นำมาตัด สลักฉลุทำเป็นลวดลายโกลนๆ ขึ้นก่อนจึงปั้นรักตีลาย ปั้นรักตีลาย ใช้รักตีลายตีพิมพ์เป็นลวดลายละเอียดติดประดับให้ครบถ้วนตามแบบที่เป็นนิยม ติดประทับให้ตรงตามตำแหน่งบนกะโหลก ที่ได้ปั้นหน้าติดลวดลายประดับไว้พร้อมอยู่แล้ว ก็จะสำเร็จเป็นศีรษะหรือหัวโขนขั้นหนึ่ง
การลงรักปิดทอง เป็นงานตกแต่งหัวโขนให้สวยงามงานขั้นนี้งานใช้รักน้ำเกลี้ยงทาทับส่วนที่ทำเป็นลวดลายต่างๆ ซึ่งต้องการทำให้เป็นสีทองคำโดยทารักสัก ๒-๓ มิล แต่ละทับหรือครั้งต้องปล่อยให้รักที่ได้ทาไว้คราวหนึ่ง ๆ แห้งสนิทและเรียบเนียนทุกครั้งไป จนขั้นสุดท้ายทาด้วยรักน้ำเกลี้ยงแต่บาง ๆ จึงนำทองคำเปลวมาปิดทับ บนพื้นที่ ๆ ได้ทารักไว้นั้นจนทั่ว
การประดับกระจกหรือพลอยกระจก เป็นการตกแต่งส่วนละเอียดให้มีขึ้นในลวดลาย โดยเฉพาะที่ไส้ตัวกระจังไส้กระหนก ไส้ใบเทศ เป็นต้น ให้เกิดเป็นประกายแวววาว เมื่อรับแสงสว่าง ทำให้แลดูคล้ายประดับด้วย อัญมณีต่างๆดังที่มีในเครื่องศิราภรณ์จริง ๆกระจกที่นำมาตัดเป็น ชิ้นเล็กๆมีรูปร่างพอเหมาะแก่การประดับลงเป็นส่วนไส้ลวดลายดังกล่าวข้างต้น เรียกว่า กระจกเกรียบ ปัจจุบันกระจกชนิดนี้หาไม่ได้ง่ายนัก ช่างทำหัวโขน จึงใช้พลอยกระจกประดับลงเป็นไส้ลวดลายแทน การประดับกระจกก็ดี ประดับพลอยกระจกก็ดี ทำให้ติดกับตัวลายต่างๆ ที่ปิดทองคำเปลวไว้แล้วนั้นได้ด้วย การใช้ เทือกรัก ทาบางๆลงตรงตำแหน่งที่จะประดับกระจกหรือพลอยนั้น เทือกรักก็ยึดชิ้นกระจกหรือพลอยนั้นติดทนอยู่นาน ๆ
การระบายสีและเขียนส่วนละเอียด เป็นขบวนการทำหัวโขนขั้นหลังที่สุด โดยก่อนที่จะระบายสีและเขียนส่วนละเอียดบน ใบหน้าของหัวโขน ต้องใช้กระดาษปิดทับเนื้อที่ในวงหน้าทั้งหมดให้ทั่วเสียชั้นหนึ่งก่อน ปิดกระดาษให้ผิวเรียบพิเศษ แล้วผึ่งให้แห้งสนิทจึงจัดการระบายและเขียนสี ต่อไปได้ สีที่ใช้ระบายและเขียนส่วนใบหน้าหัวโขนนี้ ช่างทำหัวโขนตามขนบธรรมเนียมนิยม มักใช้สีฝุ่นผสมกาวกระถินหรือยางมะขวิด โดยใช้อย่างใดอย่างหนึ่งผสมน้ำ เรียกว่ากันว่า สีน้ำกาว บ้าง สีฝุ่นบ้าง สีชนิดนี้มีคุณลักษณะสดใสและนุ่มนวลทำให้เกิดความต่างกันระหว่างความนุ่มนวลบนหน้ากับความแวววาว ของเครื่องศิราภรณ์ที่เป็นสีทองและประกายแก้วที่ติดตกแต่งไว้อย่างกลมกลืนกัน
Khon Mask Making
Most visitors to Thailand have the opportunity to experience the masked “Khon” drama, a uniquely Thai version of the Indian “Ramayana” epic, with tales of gods of ferocious demons. Khon was originally developed as an exclusively Royal entertainment, popular at the courts of Ayutthaya and later of Rattanakosin.
In addition to the exquisitely controlled grace and charm of the dance and its symbolic gestures (it takes over ten years to train a leading Khon actor), the most memorable features are certainly the gorgeous costumes with richly gilded crowns and colorful masks.
Each character in the Ramayana, or Ramakian as it is known in Thailand, has a different costume and headdress. Of the leading roles the most easily recognized are the noble God – King, Phra Ram, the demon, Thotsakan, and the local monkey general, Hanuman. There are more than a hundred support characters and most of them wear different styles of masks and headdresses which are lavishly decorated. The making of these masks is an art form that highly specialized and there are only a very few craftsmen in Thailand who have mastered this skill. One is M.R. Charoonsawat Suksawat.
The making of each mask can take many days of detailed work. The first stage is the mounding of a plaster form to the size and shape of the actor’s head. On to this is applied many layers of paper Mache in order to build up the character’s features. For the best masks a special tissue thin paper (hand – made from a tree bark called “khoi”) is used. Up to 20 layers of khoi paper are glued on to the form, and then the surface is dried and smoothed. The mask is then cut away from the form; the two halves begin rejoined by sewing with fine wire. A final layer of paper Mache is added, holes made for eyes and mouth, and the decoration finished using paint, lacquer, gold leaf and colored glass fragments. For the finest examples semi precious gems are used and real ivory for tusks and fangs.
วิธีการและกระบวนการทำหัวโขน โดยวิธีการอันเป็นไปตามระเบียบวิธีแห่งการช่างทำหัวโขนตามขนบธรรมเนียมนิยมอันมีมาแต่ก่อน และยังคงถือปฏิบัติการทำหัวโขนของช่างหัวโขน บางคนต่อมาจนกระทั่งปัจจุบัน อาจลำดับระเบียบวิธีของวิธีการและกระบวนการทำหัวขน ดังนี้
วัสดุ กระดาษสา กระดาษข่อย กระดาษฟาง ใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง รักน้ำเกลี้ยง และรักตีลาย สมุกใบตองแห้ง สมุกใบลาน สมุกใบจาก โดยใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง น้ำมันยาง ปูนแดง ชันแดง ชัยผง องคำเปลว กระจกสี พลอยกระจก หนังวัวแห้ง สีฝุ่น กาว และแป้งเปียก ยางมะเดื่อ ลวดขนาดต่างๆ
เครื่องมือ แม่พิมพ์หินสบู่ ไม้ตีกระยัง ไม้เสนียด ไม้คลึงรัก มีดตัดกระดาษ เพชรกระจก ไม้ตับคีบกระจก กรรไกร เข็มเย็บผ้า แลด้าย สิ่วหน้าต่างๆ และตุ๊ดตู่ เขียงไม้ แปรงทาสี พู่กันขนาดต่างๆ
การเตรียมวัสดุ วัสดุที่จะต้องจัดเตรียมขึ้นโดยเฉพาะสำหรับทำเป็นลวดลายต่างๆ ประดับตกแต่งทำหัวโขนแต่ละแบบๆ คือ รักตีลาย ต้องเตรียมทำขึ้นไว้ใช้ให้พอแก่งานเสียก่อน รักตีลาย ประกอบด้วย รักน้ำเกลี้ยง ชันน้ำมันยาง ผสมเข้าด้วยกัน เอาขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ เคี่ยวไปจนงวดเหนียวพอเหมาะแก่การเอา ลงกดในแม่พิมพ์หินทำเป็นลวดลาย ซึ่งแข็งตัวแล้วไม่เปลี่ยนแปลง
การเตรียมหุ่น หุ่นในที่นี้คือ หุ่นหัวโขน แบบต่างๆ ซึ่งจะใช้เป็นต้นแบบสำหรับทำหัวโขน หุ่นเป็นต้นแบบ ที่จะใช้กระดาษปิดทับให้ทั่วแล้ว ถอดออกเป็น หัวโขน ซึ่งภายในกลวงเพื่อที่จะใช้สวมครอบศีรษะได้พอเหมาะ หุ่นหัวโขนชนิดสวมครอบศีรษะและปิดหน้ามักทำเป็นหุ่นอย่าง รูปโกลน มีเค้ารอย ตา จมูก ปาก ขมวดผม
การปิดหุ่น ว่าด้วยการปิดกระดาษทำหัวโขน การปิดกระดาษทับลงบนหุ่นนี้ ช่างบางคนเรียกว่า “พอกหุ่น” ก็มีเรียกว่า “ปิดหุ่น” ก็มี คือ การเอากระดาษสา กระดาษข่อยและกระดาษฟาง อย่างใดอย่างหนึ่งตัดเป็นสี่เหลี่ยมขนาดย่อมกว่าฝ่ามือเล็กน้อย นำมาทาแป้งเปียกให้ทั่ว แล้วปิดกระดาษทับ ซ้อนกันสัก 2-3 แผ่น จึงเอาไปปิดทับลงบนหุ่นเป็นลำดับกันไปจนทั่วหุ่นศีรษะแบบนั้นๆ ทำเช่นนี้หลายชั้นให้หนาพอที่จะทรงตัวอยู่ได้ในภายหลังที่ถอดศีรษะกระดาษออกจากหุ่น จึงเอาหุ่นที่ปิดกระดาษเรียบร้อยแล้วออกตั้งผึ่งแดดให้แห้งสนิท ซึ่งมักใช้เวลาประมาณ 3 วัน
การถอดหุ่น การเอาศีรษะกระดาษออกจากหุ่นซึ่งทำโดยการใช้มีดปลายแหลม กรีดตรงศีรษะกระดาษจากตอนบนให้ขาดเป็นทาง ลงไปด้านหลังจนสุดขอบกระดาษตอนล่าง จึงถอดศีรษะกระดาษออกจากหุ่น ศีรษะกระดาษซึ่งถอดออกจากหุ่นแล้วต้องจัดการเย็บประสานริมกระดาษที่ขาดเป็นแนวนั้น ให้ติดสนิทกัน แล้วปิดกระดาษทับแนวทั้งด้านนอกและด้านในให้เรียบ จึงตัดริมส่วนขอบล่างของศีรษะให้เรียบร้อย พอเสร็จการขั้นนี้ก็จะได้ศีรษะกระดาษที่เรียกว่า “กะโหลก” พร้อมที่จะนำมาปั้นกระแหนะรักทำส่วนละเอียดต่างๆ ออกไป
การปั้นใบหน้าหัวโขน หรือกระแหนะ เป็นขั้นตอนทำส่วนละเอียดต่างๆ คือ การใช้ลักตีลายทำให้อ่อนตัวนำมาปั้นกระแหนะเพิ่มเติม ลงบนกะโหลก ทำส่วน คิ้ว ตา จมูก ปาก ไพรปาก ขอบคาง ให้ได้รูปร่างชัดเจนและแสดงอารมณ์ของใบหน้านั้นตามขนบธรรมเนียมนิยมในใบหน้าแต่ละแบบนั้นส่วนหนึ่ง กับทำการ ประดับลวดลายแต่งลงบนตำแหน่งที่เป็นเครื่องศิราภรณ์สำหนับหัวโขนแต่ละหัว เช่น ประดับส่วนเกี่ยวก้อยรักร้อย ประดับกระจังซุ้มบนวงล้อมจอมชฎามงกุฎ เป็นต้อน และในขั้นนี้จะต้องจัดการทำส่วนหูสำหรับศีรษะยักษ์ ลิง พระ และนางแบบปิดหน้า เป็นต้น กับทำกรรเจียกจอนหูสำหรับประกอบชฎาและมงกุฎ ด้วยการใช้แผ่นหนังวัวแห้ง นำมาตัด สลักฉลุทำเป็นลวดลายโกลนๆ ขึ้นก่อนจึงปั้นรักตีลาย ปั้นรักตีลาย ใช้รักตีลายตีพิมพ์เป็นลวดลายละเอียดติดประดับให้ครบถ้วนตามแบบที่เป็นนิยม ติดประทับให้ตรงตามตำแหน่งบนกะโหลก ที่ได้ปั้นหน้าติดลวดลายประดับไว้พร้อมอยู่แล้ว ก็จะสำเร็จเป็นศีรษะหรือหัวโขนขั้นหนึ่ง
การลงรักปิดทอง เป็นงานตกแต่งหัวโขนให้สวยงามงานขั้นนี้งานใช้รักน้ำเกลี้ยงทาทับส่วนที่ทำเป็นลวดลายต่างๆ ซึ่งต้องการทำให้เป็นสีทองคำโดยทารักสัก ๒-๓ มิล แต่ละทับหรือครั้งต้องปล่อยให้รักที่ได้ทาไว้คราวหนึ่ง ๆ แห้งสนิทและเรียบเนียนทุกครั้งไป จนขั้นสุดท้ายทาด้วยรักน้ำเกลี้ยงแต่บาง ๆ จึงนำทองคำเปลวมาปิดทับ บนพื้นที่ ๆ ได้ทารักไว้นั้นจนทั่ว
การประดับกระจกหรือพลอยกระจก เป็นการตกแต่งส่วนละเอียดให้มีขึ้นในลวดลาย โดยเฉพาะที่ไส้ตัวกระจังไส้กระหนก ไส้ใบเทศ เป็นต้น ให้เกิดเป็นประกายแวววาว เมื่อรับแสงสว่าง ทำให้แลดูคล้ายประดับด้วย อัญมณีต่างๆดังที่มีในเครื่องศิราภรณ์จริง ๆกระจกที่นำมาตัดเป็น ชิ้นเล็กๆมีรูปร่างพอเหมาะแก่การประดับลงเป็นส่วนไส้ลวดลายดังกล่าวข้างต้น เรียกว่า กระจกเกรียบ ปัจจุบันกระจกชนิดนี้หาไม่ได้ง่ายนัก ช่างทำหัวโขน จึงใช้พลอยกระจกประดับลงเป็นไส้ลวดลายแทน การประดับกระจกก็ดี ประดับพลอยกระจกก็ดี ทำให้ติดกับตัวลายต่างๆ ที่ปิดทองคำเปลวไว้แล้วนั้นได้ด้วย การใช้ เทือกรัก ทาบางๆลงตรงตำแหน่งที่จะประดับกระจกหรือพลอยนั้น เทือกรักก็ยึดชิ้นกระจกหรือพลอยนั้นติดทนอยู่นาน ๆ
การระบายสีและเขียนส่วนละเอียด เป็นขบวนการทำหัวโขนขั้นหลังที่สุด โดยก่อนที่จะระบายสีและเขียนส่วนละเอียดบน ใบหน้าของหัวโขน ต้องใช้กระดาษปิดทับเนื้อที่ในวงหน้าทั้งหมดให้ทั่วเสียชั้นหนึ่งก่อน ปิดกระดาษให้ผิวเรียบพิเศษ แล้วผึ่งให้แห้งสนิทจึงจัดการระบายและเขียนสี ต่อไปได้ สีที่ใช้ระบายและเขียนส่วนใบหน้าหัวโขนนี้ ช่างทำหัวโขนตามขนบธรรมเนียมนิยม มักใช้สีฝุ่นผสมกาวกระถินหรือยางมะขวิด โดยใช้อย่างใดอย่างหนึ่งผสมน้ำ เรียกว่ากันว่า สีน้ำกาว บ้าง สีฝุ่นบ้าง สีชนิดนี้มีคุณลักษณะสดใสและนุ่มนวลทำให้เกิดความต่างกันระหว่างความนุ่มนวลบนหน้ากับความแวววาว ของเครื่องศิราภรณ์ที่เป็นสีทองและประกายแก้วที่ติดตกแต่งไว้อย่างกลมกลืนกัน
Khon Mask Making
Most visitors to Thailand have the opportunity to experience the masked “Khon” drama, a uniquely Thai version of the Indian “Ramayana” epic, with tales of gods of ferocious demons. Khon was originally developed as an exclusively Royal entertainment, popular at the courts of Ayutthaya and later of Rattanakosin.
In addition to the exquisitely controlled grace and charm of the dance and its symbolic gestures (it takes over ten years to train a leading Khon actor), the most memorable features are certainly the gorgeous costumes with richly gilded crowns and colorful masks.
Each character in the Ramayana, or Ramakian as it is known in Thailand, has a different costume and headdress. Of the leading roles the most easily recognized are the noble God – King, Phra Ram, the demon, Thotsakan, and the local monkey general, Hanuman. There are more than a hundred support characters and most of them wear different styles of masks and headdresses which are lavishly decorated. The making of these masks is an art form that highly specialized and there are only a very few craftsmen in Thailand who have mastered this skill. One is M.R. Charoonsawat Suksawat.
The making of each mask can take many days of detailed work. The first stage is the mounding of a plaster form to the size and shape of the actor’s head. On to this is applied many layers of paper Mache in order to build up the character’s features. For the best masks a special tissue thin paper (hand – made from a tree bark called “khoi”) is used. Up to 20 layers of khoi paper are glued on to the form, and then the surface is dried and smoothed. The mask is then cut away from the form; the two halves begin rejoined by sewing with fine wire. A final layer of paper Mache is added, holes made for eyes and mouth, and the decoration finished using paint, lacquer, gold leaf and colored glass fragments. For the finest examples semi precious gems are used and real ivory for tusks and fangs.
วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554
หนุมาน
หนุมาน ลูกพระพายกับนางสวาหะเป็นลิงเผือกมีกุลทฑลขนเพชรเขี้ยวแก้วหาวเป็นดาวเป็นเดือน
เกิดวันอังคารที่๓ปีขาล
ภาพนี้ได้มาจาก http://www.siranurak.com/
หัวโขน (ศิรานุรักษ์)
วันนี้คุณยายซื้อหัวโขนขนาดเล็กให้ผม 1 หัว คือ พระวิษณุกรรม จากศิรานุรักษ์หัวโขน ผมชอบมาก หากใครชื่นชมหัวโขนเหมือนผม เข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ http://www.siranurak.com/
การทำหัวโขน1
วันนี้ผมได้ไปดูการทำหัวโขน(ศิรานุรักษ์)จ.สมุทรสงครามสนุกมากเลยครับได้เห็นหัวโขนหลายขนาดและเห็นวิธีการทำหัวโขนด้วย
ป้ายกำกับ:
โขนศิรานุรักษ์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)